civilisation ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า civilisation ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ civilisation ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า civilisation ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง อารยธรรม, อารยะ, สังคม หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า civilisation

อารยธรรม

noun

If the smallest amount were released, it'd wipe out human civilisation.
ถ้าแม้เพียงเล็กน้อยได้ถูกปล่อยออกไป มันจะกวาดล้างอารยธรรมมนุษย์

อารยะ

noun

By the first civilisation.
โดยอารยะธรรมแรกเริ่ม

สังคม

noun

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

Biographer John Thomas tells us that Faraday “bequeathed to posterity a greater body of pure scientific achievement than any other physical scientist, and the practical consequences of his discoveries have profoundly influenced the nature of civilised life.”
จอห์น โทมัส นัก เขียน ชีวประวัติ บอก เรา ว่า ฟาราเดย์ “ได้ ละ ผล สําเร็จ ของ วิทยาศาสตร์ แท้ ไว้ ให้ คน รุ่น หลัง มาก ยิ่ง กว่า นัก วิทยาศาสตร์ ด้าน ฟิสิกส์ คน อื่น ใด และ ผล ที่ ใช้ ได้ จริง จาก การ ค้น พบ ของ เขา ได้ ส่ง ผล กระทบ ลึกซึ้ง ต่อ ลักษณะ การ ดําเนิน ชีวิต ที่ เจริญ แล้ว.”
A United Nations publication explained: “In Latin America many people in the judiciary, the police, the media, business, and society in general believe that street children represent a moral threat to a civilised society.”
สิ่ง พิมพ์ ของ สหประชาชาติ เล่ม หนึ่ง กล่าว ว่า “ใน ลาติน อเมริกา หลาย คน ใน วงการ ตุลาการ, ตํารวจ, สื่อสาร มวลชน, ธุรกิจ, รวม ทั้ง สังคม โดย ทั่ว ไป เชื่อ ว่า เด็ก จรจัด เป็น อันตราย ทาง ศีลธรรม ต่อ สังคม ที่ เจริญ แล้ว.”
We might estimate that 4 or 5 per cent is likely in a civilised democracy with an enlightened educational outlook.”
เรา อาจ กะ ประมาณ ว่า ร้อย ละ 4 หรือ 5 น่า จะ เป็น ไป ได้ ใน ประเทศ ประชาธิปไตย ที่ มี อารยธรรม พร้อม ด้วย ทัศนะ ทางการ ศึกษา ที่ ก้าว หน้า.”
Says Clive Emsley in his book The English Police: A Political and Social History: “More and more, crime and disorder were regarded as things which should not exist in civilised society.”
ไคลฟ์ เอ็มสลีย์ เขียน ใน หนังสือ ตํารวจ อังกฤษ: ประวัติ ทาง การ เมือง และ สังคม (ภาษา อังกฤษ) ว่า “ตอน นั้น ผู้ คน มาก ขึ้น เรื่อย ๆ เห็น ว่า อาชญากรรม และ ความ วุ่นวาย เป็น สิ่ง ที่ ไม่ ควร มี อยู่ ใน สังคม ที่ เจริญ แล้ว.”
For example, one writer says that Islam “has inspired a great civilisation . . . [that has] enriched the whole world.”
ตัว อย่าง เช่น นัก ประพันธ์ คน หนึ่ง กล่าว ว่า ศาสนา อิสลาม “ได้ ทํา ให้ เกิด อารยธรรม ที่ ยิ่ง ใหญ่ . . . [ซึ่ง ได้] อํานวย ประโยชน์ แก่ ทั้ง โลก.”
In past centuries, for example, Protestants and Catholics fought many bloody wars, resulting in “the horrors that [descended] on Western Europe, both sides proclaiming themselves as the instruments of God’s wrath,” writes Kenneth Clark in his book Civilisation.
เพื่อ เป็น ตัว อย่าง ตาม ที่ เคนเนท คลาร์ก เขียน ไว้ ใน หนังสือ ของ เขา ชื่อ อารยธรรม (ภาษา อังกฤษ) ใน ยุค กลาง ชาว โปรเตสแตนต์ และ ชาว คาทอลิก ต่อ สู้ กัน ใน สมรภูมิ เลือด หลาย ครั้ง ยัง ผล เป็น “ความ หวาด กลัว ที่ [จู่ โจม] ยุโรป ตะวัน ตก ทั้ง สอง ฝ่าย ต่าง ก็ ป่าว ประกาศ ตัว ว่า เป็น เครื่อง มือ แห่ง พระ พิโรธ ของ พระเจ้า.”
The author of the report, Vera Squarcialupi of Italy, said: “The rule of law, which is the lifeblood of civilised society, will be the first to suffer.”
ผู้ เขียน รายงาน ฉบับ นี้ เวรา สกวาร์เชียลูปี จาก อิตาลี กล่าว ว่า “หลัก แห่ง กฎหมาย ซึ่ง เป็น สิ่ง สําคัญ ที่ สุด สําหรับ สังคม ที่ เจริญ แล้ว จะ เป็น สิ่ง แรก ที่ ได้ รับ ผล กระทบ.”
Wells wrote: “This new Roman power . . . was in several respects a different thing from any of the great empires that had hitherto prevailed in the civilised world. . . .
เวลส์ นัก ประวัติศาสตร์ ได้ เขียน ว่า “มหาอํานาจ โรมัน ใหม่ นี้ . . . เป็น สิ่ง ที่ ต่าง ไป จาก จักรวรรดิ ที่ ยิ่ง ใหญ่ ใด ๆ ซึ่ง ได้ ครอบครอง โลก ที่ เจริญ แล้ว จน กระทั่ง ถึง ตอน นั้น ใน หลาย แง่. . . .
A new era, recognised by the chief civilisations of the world, dates from his birth.”
ศักราช ใหม่ อัน เป็น ที่ ยอม รับ ของ ชาติ อารยธรรม ชั้น แนว หน้า ของ โลก ก็ เริ่ม นับ ตั้ง แต่ การ ประสูติ ของ พระองค์.”
His visit, however, was the beginning of a tragedy: “To some nations [Cook] opened the path of civilisation and religion,” says John West in The History of Tasmania, “[but] to this race [Aborigines] he was the harbinger of death.”
อย่าง ไร ก็ ตาม การ มา เยือน ของ เขา เป็น การ เริ่ม ต้น ของ โศกนาฏกรรม ตาม ที่ จอห์น เวสต์ กล่าว ใน หนังสือ ประวัติศาสตร์ แทสเมเนีย (ภาษา อังกฤษ) “บาง ชาติ ถือ ว่า [กัปตัน คุก] เป็น ผู้ เปิด เส้น ทาง แห่ง อารยธรรม และ ศาสนา [แต่] สําหรับ ชน เชื้อ สาย นี้ [อะบอริจินี] เขา เป็น ลาง แห่ง ความ ตาย.”
You'd do well, Dr Chase, to be a bit more civilised in this instance.
ถ้าคุณทําตัวดีๆ, Dr. เชส, ทําตัวมีอารยะธรรมหน่อย.
If the smallest amount were released, it'd wipe out human civilisation.
ถ้าแม้เพียงเล็กน้อยได้ถูกปล่อยออกไป มันจะกวาดล้างอารยธรรมมนุษย์
They were “pre-eminently the homes of a civilised people and answered to the needs of a highly developed urban life.”
ตึก เหล่า นั้น เป็น “ที่ อยู่ อาศัย อัน ภูมิ ฐาน ของ อารยชน และ ตอบ สนอง ความ ต้องการ ของ ผู้ คน ที่ ใช้ ชีวิต อยู่ ใน นคร ที่ เจริญ.”
A new era, recognised by the chief civilisations of the world, dates from his birth.”
ศักราช ใหม่ อัน เป็น ที่ ยอม รับ โดย ชาติ อารยธรรม ชั้น แนว หน้า ของ โลก ก็ เริ่ม นับ ตั้ง แต่ ปี ที่ พระองค์ ทรง ประสูติ.”
Now, we all agree on that in the civilised world.
พวกเราทุกคนที่อยู่ ในแดนศิวิลัยต่างเห็นด้วย
In fact, author Tony Morton goes so far as to say that “science is undoubtedly one of the mainstays of modern civilisation.”
ที่ จริง นัก ประพันธ์ โทนี มอร์ตัน ถึง กับ พูด ว่า “ไม่ ต้อง สงสัย วิทยาศาสตร์ เป็น หนึ่ง ใน เสา หลัก ของ อารยธรรม สมัย ใหม่.”
Long way from civilisation.
ไกลจากที่เจริญนะเนี่ย
By the first civilisation.
โดยอารยะธรรมแรกเริ่ม

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ civilisation ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ civilisation

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว