ripen ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร
ความหมายของคำว่า ripen ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ ripen ใน ภาษาอังกฤษ
คำว่า ripen ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง ทําให้สุก, สุก, การทําให้สุก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง
ความหมายของคำว่า ripen
ทําให้สุกverb |
สุกverb On ripening, the fruit explodes, dispersing its seeds into the water. เมื่อผลสุก มันจะแตกออกมา แล้วเมล็ดก็กระจัดกระจายไปในน้ํา. |
การทําให้สุกverb |
ดูตัวอย่างเพิ่มเติม
26 Yea, even at this time ye are ripening, because of your murders and your afornication and wickedness, for everlasting destruction; yea, and except ye repent it will come unto you soon. ๒๖ แท้จริงแล้ว, แม้ในเวลานี้ท่านกําลังสุกงอม, สําหรับความพินาศอันเป็นนิจ, เพราะการกระทําฆาตกรรมของท่านและการผิดประเวณีกและความชั่วร้ายของท่าน; แท้จริงแล้ว, และเว้นแต่ท่านจะกลับใจมันจะมาถึงท่านในไม่ช้า. |
Even today, Karaite Jews observe this ripening to establish their new year. แม้ แต่ ใน ปัจจุบัน ชาว ยิว คาราอิเต ถือ เอา ช่วง ที่ ข้าว บาร์เลย์ สุก นี้ เป็น ช่วง ปี ใหม่ ของ ตน. |
In some instances, the ripened nut rolls down the beach toward the water. บาง ครั้ง ลูก มะพร้าว ที่ แก่ แล้ว จะ กลิ้ง จาก ชาย หาด ลง ไป ใน น้ํา. |
The heads on the tall stalks lining the road were now ripening. รวง ของ ต้น ข้าว สูง ทอด ยาว ไป ตาม ถนน กําลัง แก่. |
WHEN an olive ripens on the tree, it turns from green to shiny black. เมื่อ ลูก มะกอก สุก บน ต้น มัน จะ เปลี่ยน จาก สี เขียว มา เป็น สี ดํา มัน เงา. |
When bananas ripen naturally, they discharge the same gas, which furthers the ripening process. เมื่อ กล้วย สุก เอง ตาม ธรรมชาติ มัน จะ ปล่อย แก๊ส ชนิด เดียว กัน นี้ ออก มา ซึ่ง ทํา ให้ กล้วย สุก มาก ขึ้น อีก. |
So ripening them, their skin will change to more beautiful.... พ่อแม่ที่เลี้ยงลูก เลี้ยงด้วยความรักเหมือนดวงใจ ให้กินนมยังไม่พอ ขณะกินนม... ฉี่รด |
In his bag were found the remains of a variety of wild plum that ripens in late summer; perhaps, they were a part of his last supplies. ใน ถุง หนัง ของ เขา มี ลูก พลัม ป่า พันธุ์ หนึ่ง เหลือ อยู่ ซึ่ง สุก ตอน ปลาย ฤดู ร้อน บาง ที ลูก พลัม เหล่า นั้น อาจ เป็น เสบียง ส่วน สุด ท้าย ของ เขา ก็ ได้. |
“Wheat and Barley” Although wheat and barley were both sown in the fall, barley ripened a month sooner. “ข้าว สาลี และ ข้าว บาร์เลย์” แม้ จะ มี การ หว่าน ข้าว สาลี และ ข้าว บาร์เลย์ พร้อม กัน ใน ฤดู ใบ ไม้ ร่วง แต่ ข้าว บาร์เลย์ จะ สุก ก่อน หนึ่ง เดือน. |
20 And thus the Lord did pour out his blessings upon this land, which was achoice above all other lands; and he commanded that whoso should possess the land should possess it unto the Lord, or they should be bdestroyed when they were ripened in iniquity; for upon such, saith the Lord: I will pour out the fulness of my wrath. ๒๐ และดังนี้พระเจ้าทรงเทพรของพระองค์ลงมาบนแผ่นดินนี้, ซึ่งเลิศเลอกกว่าผืนแผ่นดินอื่นทั้งปวง; และพระองค์ทรงบัญชาว่าผู้ใดที่จะครอบครองแผ่นดินนี้ควรครอบครองมันเพื่อพระเจ้า, มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกทําลายขเมื่อพวกเขาสุกงอมอยู่ในความชั่วช้าสามานย์; เพราะกับคนเช่นนั้น, พระเจ้าตรัสว่า : เราจะเทความโกรธสุดขีดของเราออกมา. |
Some Christians in the congregation may take longer to reach spiritual maturity, even as some fruit on a tree may take longer to ripen. คริสเตียน บาง คน ใน ประชาคม อาจ ต้อง ใช้ เวลา นาน กว่า คน อื่น เพื่อ จะ เป็น ผู้ ใหญ่ ฝ่าย วิญญาณ เช่น เดียว กับ ผลไม้ บาง ลูก ที่ อยู่ บน ต้น กว่า จะ สุก ก็ อาจ ต้อง ใช้ เวลา นาน กว่า ลูก อื่น. |
1–5, Scriptures show how to build up the Church; 6–8, The world is ripening in iniquity; 9–16, The worth of souls is great; 17–25, To gain salvation, men must take upon themselves the name of Christ; 26–36, The calling and mission of the Twelve are revealed; 37–39, Oliver Cowdery and David Whitmer are to search out the Twelve; 40–47, To gain salvation, men must repent, be baptized, and keep the commandments. ๑–๕, พระคัมภีร์แสดงวิธีเสริมสร้างศาสนจักร; ๖–๘, โลกกําลังสุกงอมในความชั่วช้าสามานย์; ๙–๑๖, ค่าของจิตวิญญาณยิ่งใหญ่; ๑๗–๒๕, เพื่อได้ความรอด, มนุษย์ต้องน้อมรับพระนามของพระคริสต์; ๒๖–๓๖, เปิดเผยการเรียกและพันธกิจของอัครสาวกสิบสอง; ๓๗–๓๙, ออลิเวอร์ คาวเดอรี และเดวิด วิตเมอร์ ต้องค้นหาอัครสาวกสิบสอง; ๔๐–๔๗, เพื่อให้ได้ความรอด, มนุษย์ต้องกลับใจ, รับบัพติศมา, และรักษาพระบัญญัติ. |
(Matthew 11:16) Jesus likely took note of other commonplace things that found their way into his illustrations —seeds being sown, joyful marriage feasts, and grain fields ripening in the sun. —Matthew 13:3-8; 25:1-12; Mark 4:26-29. (มัดธาย 11:16) พระ เยซู คง สังเกต ดู สิ่ง อื่น ๆ ที่ พบ เห็น เป็น เรื่อง ธรรมดา เพื่อ หา วิธี นํา มา ใช้ ใน อุทาหรณ์ ของ พระองค์ เช่น การ หว่าน เมล็ด พืช, งาน เลี้ยง สมรส ที่ มี ความ ชื่นชม ยินดี, และ นา ข้าว สุก เหลือง ที่ ต้อง ประกาย แสง ตะวัน.—มัดธาย 13:3-8; 25:1-12; มาระโก 4:26-29. |
So ripening them, they will smell themselves. เงิน 5, 000 นี้ ผมจะฝากไปให้พ่อผมซื้อเรือขายถ่าน |
Its flowers appear in spring, and smooth-skinned yellow fruits —about the size of an orange— ripen in late autumn or early winter. พืช ชนิด นี้ จะ ออก ดอก ช่วง ฤดู ใบ ไม้ ผลิ และ ผล สี เหลือง ผิว เรียบ ขนาด เท่า ผล ส้ม ของ มัน ก็ จะ สุก ใน ช่วง ฤดู ใบ ไม้ ร่วง หรือ ต้น ฤดู หนาว. |
37 But behold, the wild branches have grown and have aoverrun the roots thereof; and because that the wild branches have overcome the roots thereof it hath brought forth much evil fruit; and because that it hath brought forth so much evil fruit thou beholdest that it beginneth to perish; and it will soon become ripened, that it may be cast into the fire, except we should do something for it to preserve it. ๓๗ แต่ดูเถิด, กิ่งป่าเติบโตและเบียดเบียนกรากของมัน; และเพราะกิ่งป่ามีพลังเหนือรากของมันมันจึงออกผลชั่วมามาก; และเพราะมันออกผลชั่วมามากเจ้าจึงเห็นว่ามันเริ่มเฉา; และในไม่ช้ามันจะไม่ออกผล, จนมันจะถูกโยนเข้าไปในไฟ, นอกจากเราจะทําบางสิ่งสําหรับมันเพื่อปกปักรักษามันไว้. |
When the grain ripens, the man harvests it. เมื่อ เมล็ด ข้าว สุก เหลือง ได้ ที่ แล้ว เขา ก็ ทํา การ เก็บ เกี่ยว. |
Here a gas, ethylene, triggers the ripening process. ใน ห้อง นี้ จะ มี การ ใช้ แก๊ส เอทีลีน เพื่อ บ่ม กล้วย ให้ สุก. |
The fruit ripens during June and July, when javelinas, coyotes, foxes, squirrels, harvester ants, and many birds feast on the fruit and seeds. ผลไม้ จะ สุก ระหว่าง เดือน มิถุนายน และ เดือน กรกฎาคม ซึ่ง เป็น เวลา ที่ หมู ป่า, สุนัข ป่า, สุนัข จิ้งจอก, กระรอก, มด เก็บ เส บี ยง อาหาร, และ นก จํานวน มาก เพลิดเพลิน กับ การ กิน ผล และ เมล็ด. |
Another substance found in apples is ethylene, which functions especially as a natural growth regulator that promotes the ripening of the fruit. สาร อีก อย่าง หนึ่ง ที่ พบ ใน แอปเปิล คือ เอทีลีน ซึ่ง ทํา หน้า ที่ เป็น ตัว ควบคุม การ เจริญ เติบโต ตาม ธรรมชาติ โดย เฉพาะ ซึ่ง ช่วย ให้ ผล สุก. |
In time, the seedpod ripens, splits open, and sets loose thousands, or even millions, of seeds. ต่อ มา เมื่อ ฝัก แก่ เต็ม ที่ ก็ จะ แตก และ เมล็ด นับ พัน หรือ นับ ล้าน จะ ร่วง หลุด ออก มา. |
This bud of love, by summer's ripening breath, May prove a beauteous flower when next we meet. ตาของความรักนี้โดยการทําให้สุกในช่วงฤดู ร้อนลมหายใจของอาจพิสูจน์เป็นดอกไม้ที่สวยงามต่อไปเมื่อเราได้พบ |
Put them in a paper bag with a few ripe apples, and they will ripen more quickly. ให้ ใส่ ผลไม้ เหล่า นี้ ไว้ ใน ถุง กระดาษ กับ แอปเปิล สุก สอง สาม ลูก และ ผลไม้ เหล่า นั้น จะ สุก เร็ว ขึ้น. |
His purposes will ripen fast, พระประสงค์บรรลุร็วพลัน |
(Hebrews 12:11) Just as fruit needs time to ripen, so time is needed for us to change our attitudes in response to the training that God provides. (เฮ็บราย 12:11) เช่น เดียว กับ ผลไม้ ที่ กว่า จะ สุก ต้อง อาศัย เวลา เรา ก็ ต้องการ เวลา เพื่อ จะ เปลี่ยน แปลง ทัศนคติ ของ เรา ใน เรื่อง ต่าง ๆ หลัง จาก ที่ ได้ รับ การ ฝึก สอน ที่ พระเจ้า ทรง จัด เตรียม ให้ แล้ว. |
มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ
ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ ripen ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ
คำที่เกี่ยวข้องของ ripen
คำพ้องความหมาย
อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ
คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม
ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว