set on fire ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า set on fire ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ set on fire ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า set on fire ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง จุด, จุดไฟ, ก่อกองไฟ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า set on fire

จุด

verb (cause to begin to burn)

จุดไฟ

verb (cause to begin to burn)

ก่อกองไฟ

verb

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

And her dependent* towns will be set on fire.’
และ เมือง เล็ก ๆ ที่ อยู่ ราย รอบ จะ ถูก เผา ด้วย ไฟ
It was set on fire by mischievous boys, one
มันเกี่ยวกับขนาดของเหมือง มันตั้งบนไฟโดยชายแกล้งอย่างใดอย่างหนึ่ง
Was tony set on fire alive?
โทนี่ถูกเผาทั้งเป็นหรือ?
His cities have been set on fire, so that there is no inhabitant.
เมือง ต่าง ๆ ของ เขา ถูก เผา จน ไม่ มี ใคร อยู่ เลย
Mamie lost two more family members, and her home was set on fire a second time.
มามี สูญ เสีย สมาชิก ครอบครัว ไป อีก สอง คน และ บ้าน ของ เธอ ถูก ไฟ ไหม้ เป็น ครั้ง ที่ สอง.
They're set on fire of love.
ไฟรักกําลังคุจริงๆ
And her gates, though high, will be set on fire.
แม้ ประตู ของ เมือง นี้ จะ สูง มัน ก็ จะ ถูก เผา
Her homes have been set on fire.
บ้าน เรือน ใน เมือง นี้ ถูก เผา
With the Spanish ships moored and vulnerable, the English sent in eight ships, which they had loaded with combustibles and set on fire.
ใน ขณะ ที่ กอง เรือ สเปน จอด ทอด สมอ และ อยู่ ใน สภาพ ที่ ถูก โจมตี ได้ ง่าย นั้น พวก อังกฤษ ส่ง เรือ แปด ลํา ซึ่ง บรรทุก สาร ไว ไฟ อยู่ เต็ม ลํา และ จุด ไฟ บน เรือ นั้น แล้ว ปล่อย ให้ ลอย ไป หา พวก สเปน.
Shouldn't you put him in a brown paper bag and set him on fire?
คุณควรจะใส่เขาในถุงกระดาษสีน้ําตาลแล้วจุดไฟเผาเลยดีไหม
She was trying to set me on fire.
เธอพยายามจะฆ่าฉัน
Well, then, how'd they set themselves on fire?
ถ้างั้น ทํายังไงถึงทําให้ตัวเองถูกย่างอย่างนั้นล่ะ
And now, let's set that on fire.
และทีนี้ มาจุดไฟกันเลย
Take the playbook, and you set it on fire.
ก็หยิบตํารามา แล้วนายก็จุดไฟเผา
Or set cars on fire.
ไม่ก็ทําให้ไฟไหม้รถ
I want to set Seoul on fire.
ผมอยากให้โซล สว่างไสว ทั้งวัน ทั้งคืน
I came to set it on fire.
ฉันมาเพื่อเผาที่นี่
I'm talking about the girl who may have tried to set us on fire, run you over, sitting next to us in social studies.
ฉันกําลังพูดถึงผู้หญิงที่อาจจะพยายาม จุดไฟเผาเรา และต่อไปจะนั่งถัดจากเรา ที่โรงเรียน
A fireship was a military vessel loaded with explosives and other combustible materials that was set adrift on fire among enemy ships, causing destruction.
เรือ ชนิด นี้ คือ เรือ รบ ที่ บรรทุก วัตถุ ระเบิด และ วัตถุ ไว ไฟ อื่น ๆ ซึ่ง เมื่อ จุด ไฟ แล้ว ก็ ปล่อย ให้ ลอย เข้า ไป ท่ามกลาง กอง เรือ ศัตรู เพื่อ สร้าง ความ เสียหาย.
One day, I was changing the shape of a bamboo piece and ended up setting the place on fire.
วันหนึ่ง ผมกําลังดัดแปลงรูปทรงของไม้ไผ่ และจบลงที่การทําไฟไหม้สถานที่
Well, one thing that happened is that my grandparents, the same grandparents of setting someone on fire fame, they really shaped up by the time I came around.
ครับ สิ่งหนึ่งที่ได้เกิดขึ้นก็คือ คุณตาคุณยายของผม คุณตาคุณยายคนเดียวกันกับ ที่ได้จุดไฟเผาคนบางคนนั่นแหละ ได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาจริง ๆ ตอนที่ผมเกิดมา
It is like a fire that can set a great woodland on fire!
ลิ้น เป็น เหมือน ไฟ ที่ สามารถ เผา ทั้ง ป่า ได้!
It felt as if someone had taken a match and set my back on fire!
รู้สึก เหมือน มี ใคร ใช้ ไม้ ขีด จุด ไฟ เผา ที่ หลัง!
He set the bed on fire?
เขาจุดไฟเผาเตียงหรือยัง?

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ set on fire ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ set on fire

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว